
การไปของปรางครั้งนี้ ปรางได้ติดต่อบริษัททัวร์แม่ค้าโดยตรงค่ะ ปรางเลือกไปช่วงที่จัดงานกวางโจวเทรดแฟร์ (เพราะจะได้ไม่เสียเที่ยว…ไปทีเดียวเข้าชมทั้งงานแฟร์และเดินตลาดค้าส่งไปเลย) ทำให้ไม่มีการจัดกรุ๊ปทัวร์ใหญ่ เป็นการบินไปส่วนตัว แล้วไปนัดเจอไกด์ที่นู้นเลยค่ะ ข้อดีที่ปรางชอบก็คือเราสามารถกำหนดวันเองได้เลยว่าจะไปวันไหนหรือไปกี่วันค่ะ
ซึ่งค่าใช้จ่ายก็จะแพงกว่าช่วงที่ไม่มีงานแฟร์เล็กน้อย เนื่องจากทั้งค่าตั๋วและค่าที่พักขึ้นราคากันค่ะ โดยทัวร์แม่ค้าแบบนี้ ก็สามารถเสิร์จหาได้จากในFBหรือGoogle ก็จะมีหลากหลายบริษัทให้เราเลือกเลยค่ะ
ค่าใช่จ่ายต่อ 1 คน ที่ปรางไปนั้นประมาณ1หมื่นต้นๆค่ะ(ขออภัยจำตัวเลขที่แน่นอนไม่ได้) รวมค่าทำวีซ่าเข้าจีนแบบ 1 ครั้ง , ค่าที่พัก 3 คืน , ค่ารถรับส่งสนามบิน , ค่าไกด์ 2 วัน แต่ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินนะคะ เราสามารถฝากให้บริษัทจองตั๋วให้ได้ (ตอนนั้นปรางจองตั๋วเอง เพียงให้ทัวร์แนะนำเที่ยวบินให้ค่ะ)

สายการบินที่ปรางไปและกลับนั้นก็คือ kenya airways ค่ะ ไม่ต้องกังวลเรื่องภาษานะคะเพราะลูกเรือเป็นคนไทยการจัดที่นั่งเท่าที่สังเกตุทั้งขาไปและกลับ ทางสายการบินจัดให้คนไทยนั่งติดกันเองหรือให้ติดกับคนผิวขาวค่ะ ที่นั่งสะดวกสบายและอาหารอร่อย ส่วนเรื่องน้ำหนักกระเป๋านี่จำไม่ได้จริงๆค่ะ
การบินไปครั้งนี้ ปรางชวนน้องสาวไปเป็นเพื่อนด้วย บินไปกัน 2 คน และนัดพี่อีกคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่บินกันคนละไฟลท์ นัดเจอกันที่โรงแรมเลย (พอดีเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที เค้าอยากมาเดินตลาดค้าส่ง เลยขอร่วมทริปกับปรางด้วยค่ะ) สรุปคือทริปนี้มีกัน 3 คนค่ะ

ถึงกว่างโจวเรียบร้อยค่า…เตรียมกระเป๋าไปขนของกลับเต็มที่
รอรับกระเป๋าแล้วไปเข้าคิว ตม. ซึ่งสำหรับคนไทยไม่มีอะไรน่ากลัว ตม.มีถามเล็กน้อยว่ามาทำอะไร และก็ผ่านออกไปได้อย่างสบายๆ(ขั้นนี้ใช้ภาษาอังกฤษระดับBeginnerก็พอ ดังนั้นหากคนที่ไม่เก่งภาษา ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ)
จากนั้นปรางออกไปเพื่อหารถที่บริษัททัวร์จัดมารับค่ะ (ขออภัยในส่วนนี้ลืมถ่ายภาพเก็บไว้) เดินก้าวออกมาปุ๊ป ก็เจอคนถือแผ่นกระดาษชื่อเราเลย คนที่มารับพูดไทยได้นิดหน่อยพอสื่อสารเข้าใจ
โดยครั้งนี้ปรางได้รู้จักคนไทยอีก2ท่านที่บินมาไฟลท์เดียวกัน และใช้บริการบริษัททัวร์เดียวกัน พวกเราขึ้นรถไปพร้อมกันแต่เวลาที่ไปเดินตลาดค้าส่งหรือไปงานแฟร์ พวกเราจะมีไกด์แยกส่วนตัว จะไปที่ไหนก็แยกของกรุ๊ปใครกรุ๊ปมันไม่เกี่ยวข้องกัน ปรางได้คุยกับคนไทย2คนนี้ เค้าต้องการมาดูสินค้าประเภทกระเป๋า เค้าบอกขายของอยู่ที่ตลาดนัด ต้องการมาหาสินค้าเพิ่มค่ะ (เห็นมั้ยคะว่าตลาดขายสินค้าที่กวางโจว เหมาะกับพ่อค้าแม่ค้าทุกสายเลยนะ ใครสนใจแนะนำลองมาเที่ยวดูได้เลยค่ะ)
ก่อนขึ้นรถไปที่โรงแรม ปรางต้องการเข้าห้องน้ำมากๆ เลยขอเข้าห้องน้ำที่สนามบินก่อน เปิดประตูเข้าไปแอบช๊อคเล็กน้อย เพราะเจอห้องน้ำแบบส้วมซึม แต่ตอนนั้นรีบมาก ไม่มีเวลาเปิดไล่หาห้องแบบชักโครก ดังนั้นการเตรียมตัวไปที่นั่น เรื่องห้องน้ำอาจต้องเตรียมตัวเตรียมใจไปเล็กน้อยนะคะ (จริงๆมันไม่ได้แย่ทั้งหมดหรือแย่ขนาดที่เข้าไม่ได้ แต่แค่บางคนอาจไม่เคยชินค่ะ)

และนี่คือโรงแรมที่พักของปรางตลอดทริป 4วัน 3 คืนค่ะ
โรงแรมอยู่ติดกับถนนคนเดินเป่ยจิงลู่ (beijing lu) สะดวกสบายสุดๆ
พอมาถึงโรงแรมทางบริษัททัวร์ก็ให้หัวหน้าไกด์มารอพวกเราที่โรงแรม เพื่ออธิบายเรื่องต่างๆ เช่น ลักษณะไกด์คนจีนที่จะมาพาเราไปเดิน (ประมาณว่า ไกด์อาจไม่ค่อยยิ้มหรือเดินเร็ว ก็อย่าว่ากันนะ เป็นลักษณะนิสัยของพวกเค้า) และหากพวกเรามีปัญหาอะไรก็ให้แจ้งเค้าได้ทาง We Chat (เป็นโปรแกรมแชทคุยกันที่จีน คล้ายๆLine แนะนำให้โหลดใส่มือถือจากไทยไปก่อนเลย)
พอมาถึงที่โรงแรม ปรางก็ได้ใช้Wifiของโรงแรมค่ะ ขอบอกว่าไม่ค่อยดีเท่าที่ควร และแน่นอนเราเข้าFB Line Google อะไรไม่ได้เลย ดังนั้นแนะนำหาซื้อพวกTravel Sim ไปด้วย พอถึงจีนปุ๊ปเราก็เปลี่ยนเป็นซิมประเภทนี้ เราจะใช้แอฟทุกอย่างได้เหมือนอยู่ไทยเลยค่ะ

ขึ้นห้องกันค่า….ห้องปรางสำหรับ 3 คนค่ะ (รอพี่อีกคนที่นัดกันไว้ มาถึงช่วงกลางคืน)
ห้องดูดี ทุกอย่างโอเค(ห้องน้ำแบบชักโครกค่ะ)

หลังจากเก็บกระเป๋าเรียบร้อย ก็เกิดอาการหิวค่ะ ปรางเลยชวนน้องลงมาเดินที่ถนนคนเดินเป่ยจิงลู่ (beijing lu) ซึ่งเดินออกจากโรงแรม และข้ามถนนไปก็ถึงเลย เป็นแหล่งกินและแหล่งช๊อปปิ้งที่ตื่นตาตื่นใจสุดๆ ตอนกลางคืนคนก็จะเยอะนิดนึง

มื้อแรกของเราที่จีนง่ายๆค่ะ ตามภาพเลย ภาษาอังกฤษระดับBiginner+นิ้วชี้ๆๆๆ สั่งได้สบายมาก (เท่าที่สังเกตุพนักงานร้าน ก็ภาษาไม่ค่อยดีค่ะ)
ข้อควรระวัง…พอดีปรางกับน้องมาเจอคนไทย 2 คนที่นั่งรถมาโรงแรมด้วยกันในร้านนี้ด้วยค่ะ เค้ารีบเดินมาบอกว่าอย่าสั่งน้ำชามะนาวนะ รสชาดเหมือนชาไหว้เจ้า ที่ใส่มะนาวลงไป ซึ่งทำให้ปรางไม่กล้าสั่งชามะนาวกินตลอดทั้งทริปเลยค่ะ (ไม่รู้จริงๆรสชาดเป็นยังไง มีเคยกินเม้นต์บอกปรางบ้างน้า)

เมนูอาหารค่ะ มีปีกไก่เสียบไม้ด้วยน้า…ราคาอาหารก็พอๆกับที่ไทยหรือแพงกว่านิดหน่อย ถือว่ารับได้ค่ะ
หลังจากทานเสร็จ ปรางกับน้องก็เข้าโรงแรมเตรียมตัวพักผ่อนเลยค่ะ ไม่ได้เดินช๊อปปิ้งต่อ เพราะพรุ่งนี้ปรางนัดกับน้องไกด์ไว้แต่เช้า เพื่อเดินทางไปเข้าชมงาน Canton Fair หรือกวางโจวเทรดแฟร์

เช้าแล้วจ้า…เช้าวันแรกที่กว่างโจว วิวเมืองมองออกมาจากที่ห้องพักค่ะ
คืนแรกผ่านไปด้วยดี พี่อีกคนที่บินตามมาทีหลัง ถึงที่พักกลางดึกเรียบร้อยดีค่ะ(พี่เค้าไม่มีรถของทัวร์ไปรับ ขึ้นแท็กซี่มาเองจากสนามบิน)
เนื่องจากปรางจองหักพักแบบไม่รวมอาหารเช้า แต่ปรางเตรียมพวกมาม่าและโจ๊กคัพไปกินเป็นมือเช้าแทนค่ะ
เช้านี้พวกเรา 3 คนก็จะได้พบน้องไกด์ประจำของกรุ๊ปเราเป็นครั้งแรก ปรางนัดเวลาไว้กับไกด์ทางWe Chat ตั้งแต่เมื่อคืนค่ะ

ปรางนัดไกด์ที่ล๊อบบี้ของโรงแรม น้องไกด์คนนี้จะพาเราทัวร์ 2 วันนับจากนี้ค่ะ ไกด์ที่ปรางได้เป็นคนจีน แต่น้องเค้าเคยมาเรียนมหาลัยที่ไทย 2 ปี พูด อ่าน และพิมพ์ไทยได้คล่องค่ะ
ซึ่งถือว่าโชคดีมากๆ เพราะคนไทยอีก 2 คนที่มาพร้อมกับปราง ได้ไกด์ที่พูดไทยได้เท่านั้น เวลาสื่อสารในWe chat ต้องใช้วิธีพูดเข้าไป แทนการพิมพ์เพราะไกด์ของเค้าอ่านและพิพม์ไทยไม่ได้ค่ะ
และภาพนี้คือรถบัสของทางโรงแรมค่ะ โรงแรมนี้มีบริการรถบัสรับ-ส่งไปงาน Canton Fair ฟรีค่ะ

ระหว่างทางไปมองเห็นcanton towerด้วย ถึงแม้หมอกจะเยอะไปหน่อยแต่ก็ดูยิ่งใหญ่มากค่ะ เสียดายที่การไปครั้งนี้ไม่มีเวลาไปเข้าชม

ตอนนี้รถบัสมามาถึงที่จอดแล้ว พวกเราต้องลงตรงนี้และเดินเข้าต่อค่ะ (ไม่ไกลนะคะ)
ขากลับถ้าใครอยากจะกลับโรงแรมโดยรถบัสก็ได้ เค้ามีแจ้งเวลานัดให้ค่ะ

ระหว่างทางก็ประมาณนี้ มีผู้คนมากมายจากหลายประเทศ แค่สถานที่ก็อลังการมากค่ะ ชื่องานเต็มๆของงานก็คือ Chinese Import and Export Commodities Fair หรือ Guangzhou Fair หรือ Canton Fair หรือคนไทยอาจเรียกว่า กว่างโจวเทรดแฟร์
ก่อนไปแนะนำให้ศึกษาหรือวางแผนก่อน ว่าเราต้องการดูสินค้าประเภทไหน ซึ่งงานจัดด้วยกันปีละ 2 ครั้ง ช่วงเมษา-พฤษภา และช่วงตุลา-พฤศจิกา และแบ่งออกเป็น 3 เฟส ตามประเภทสินค้าที่จัดแสดงค่ะ (ปรางไปช่วงเดือนพฤษภา เฟส3)
บูธที่มาออกงานแฟร์นี้ ส่วนใหญ่จะเป็นโรงงานผลิตโดยตรงค่ะ เราสามารถดิวสินค้าราคาโรงงานได้โดยตรงหรือสั่งผลิตสินค้าได้ แต่จะเป็นล๊อตการผลิตขนาดใหญ่หรือจำนวนที่เยอะมากๆค่ะ (ปรางไปก็ได้แต่เข้าไปดูเฉยๆ เพราะสอบถามแต่ละโรงงานแล้วสู้ไม่ไหวค่ะ สั่งผลิตเกิน1,000ชิ้นขึ้นไปทั้งนั้น)
งานนี้จะเหมาะมากๆกับท่านที่กำลังหาโรงงานผลิตสินค้า หรือท่านที่ต้องการสินค้าราคาถูกที่ได้เจอผู้ผลิตโดยตรง แนะนำอีกนิดว่า ถ้าใครอยากผลิตอะไร ให้เอาสินค้าตัวอย่างมาเลยนะคะ โรงงานเค้าจะได้ประเมินราคาให้เลยค่ะ

ตอนนี้เรามาถึงตรงที่เค้าให้ลงทะเบียนเข้างานแล้วค่ะ (จริงๆทางบริษัททัวร์เค้าแนะนำให้เราลงทะเบียนเข้างานล่วงหน้าผ่านทางเว็บไซต์ของงานได้เลย หรือว่าเราจะมาลงทะเบียนหน้างานได้ไม่มีปัญหาค่ะ)
เค้าจะมีเอกสารให้กรอก ชื่อ ที่อยู่ อีเมล และก็พวกประเภทสินค้าที่เราสนใจ อ่อ..ลืมบอกไปว่าสิ่งสำคัญที่เราต้องเตรียมไปจากเมืองไทย คือรูปถ่าย และนามบัตร (ถ้าใครไม่ใช่บริษัทก็ทำนามบัตร ใส่แค่ชื่อ ที่อยู่ อีเมลล์ ชื่อร้าน แค่นี้ก็ได้ค่ะ) ส่วนพาสปอร์ตนั้นก็อย่าลืมพกไปเด็ดขาดนะคะ
หากใครไม่ได้เตรียมนามบัตรหรือรูปถ่ายไป เค้าก็มีบริการจัดทำให้หน้างานนะคะ แต่ราคาอาจจะสูงหน่อย

ปรางไปถึงช่วงสายๆคนก็ประมาณนี้ค่ะ ไม่มากไม่น้อย

พอกรอกรายละเอียดเสร็จ ทุกอย่างครบก็เข้าคิวทำบัตรเข้างานกันค่ะ
มีค่าใช้จ่ายเข้างานด้วยนะคะ ถ้าจำไม่ผิดชาวต่างชาติคนละ 200 หยวน (เรทค่าเงินคร่าวๆแนะนำ เอาไปคูณ5ค่ะ) และของปรางต้องจ่ายเงินให้ไกด์เข้าไปด้วย300หยวนอีกต่างหากค่ะ ซึ่งราคาค่าเข้าของไกด์ชาวจีนต่อวัน จะแพงกว่าค่าเข้าของชาวต่างชาติค่ะ

แท่นแท๊น…และนี่ก็คือบัตรเข้าชมงานค่ะ เป็นบัตรแข็งมีสายคล้องคอ ทำแล้วใช้ได้ตลอดชีพ วันหลังจะมาอีกก็ใช้บัตรใบนี้ได้เลย

ถึงเวลาเข้าไปชมงานจริงๆสักทีแล้วค่ะ ลุย!!

แค่พ้นประตูเข้ามาก็เริ่มงงแล้วค่ะ งานใหญ่มาก..สถานที่ใหญ่เว่อร์..ปรางแนะนำให้หยิบ Bayer Guideติดตัวไว้หน่อยก็ดีค่ะ
จากนั้นเราก็หาหมวดสินค้าที่สนใจ ว่าจัดอยู่ส่วนไหน แล้วเดินตรงไปดูเลยค่ะ

ยิ่งใหญ่จริงๆๆๆ

อันนี้ฮอลล์แรกที่เราเข้ามาดูค่ะ เดินกันขาลากและแอบเมื่อยสุดๆ

แว๊ปมาต่ออีกฮอลล์ค่ะ

นี่ก็อีกฮอลล์นึง…

ปรางก็เดินชมไปเรื่อยๆ หากสนใจบูธไหนก็เดินเข้าไปดู ให้ไกด์สอบถามคุยรายละเอียดต่างๆให้
หรือถ้าสนใจบูธไหนเป็นพิเศษเราก็ขอนามบัตรโรงงานนั้นไว้ บางโรงงานเค้าก็ขอแลกนามบัตรกับเราก็มีค่ะ

บรรยากาศแต่ละบูธ

บรรยากาศแต่ละบูธ

จะเห็นได้ว่ามีคนหลากหลายชาติเลยค่ะ ที่เข้ามาเยี่ยมชมและติดต่อซื้อขายภายในงานนี้

เดินไปแค่ชม.กว่าๆก็ไม่ไหวแล้วค่ะ ขอพักหาข้าวทานก่อน ตอนที่ปรางไปนั้นแอบหาโต๊ะนั่งกินยากพอสมควร
(เราต้องเลี้ยงข้าวมื้อกลางวันให้ไกด์ด้วยนะคะ)

และนี่คืออาหารของปรางในงานCanton Fair เดินวนดูหลายรอบไม่รู้จะทานไรดี สรุปได้เซ็ตนี้มาค่ะ จะบอกว่าแต่ละถ้วยปริมาณเยอะมากๆ ปรางกินคนเดียวไม่หมด
ส่วนรสชาดก็คืออาหารจีน (คนกินยากแบบปราง แอบเซ็งเล็กน้อย โชคดีที่มีชาเขียวแบบขวดแก้ขัดค่ะ)
ทานเสร็จปรางกับไกด์ก็ไปเดินดูงานต่อกันแค่ 2 คน เพราะน้องสาวและพี่ที่ไปด้วย เดินไม่ไหวแล้วค่ะ ปรางไปเดินต่ออีกแค่ครึ่งชม.ก็พอเหมือนกัน เพราะดูแล้วงานนี้อาจไม่ใช่เป้าหมายของเรา
พวกเราเลยชวนไกด์ออกไปเดินตลาดค้าส่งต่อค่ะ(แอบเสียดายเงินที่จ่ายให้ไกด์เข้างานเหมือนกัน ยังเดินไม่คุ้มเลย)

ออกจากงานมา ก็มีแท๊กซี่จอดรอเพี๊ยบ..เดี๋ยวเราจะนั่งแท๊กซี่ไปตลาดค้าส่งกันต่อค่ะ
ที่ๆเราจะไปก็คือ #ตึกเกาหลี จะน่าตื่นตาตื่นใจขนาดไหน รอติดตามในโพสต์ต่อไปนะคะ